การเทรดในตลาด Forex เป็นการลงทุนที่มีความผันผวนและโอกาสในการทำกำไรสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงที่มากเช่นกัน สำหรับนักลงทุนที่ชอบการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะสั้น **Scalping** หรือ **กลยุทธ์การเทรดแบบ Scalping** เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวเล็กน้อยในราคาของสกุลเงินในช่วงเวลาอันสั้น
ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ **Scalping** ในการเทรด Forex, เทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ในการเทรดระยะสั้น, ข้อดีข้อเสียของกลยุทธ์นี้, และวิธีการที่สามารถใช้ในการทำกำไรจากการเทรดในตลาด Forex แบบ Scalping
Scalping คืออะไร?
Scalping คือ การเทรดที่มุ่งเน้นการเปิดและปิดการซื้อขายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่เล็กน้อยในระยะสั้น ผู้เทรดที่ใช้กลยุทธ์ Scalping จะทำการเปิดคำสั่งซื้อหรือขายหลาย ๆ ครั้งในระหว่างวัน โดยส่วนใหญ่แล้ว การเปิดคำสั่งเหล่านี้จะใช้เวลาหลายวินาทีจนถึงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ในกลยุทธ์ Scalping นี้ ผู้เทรดจะต้องมีความสามารถในการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีวินัยสูง เพราะการเทรดในระยะสั้นนั้นจะต้องพิจารณาจุดเข้าและจุดออกที่แม่นยำ เพื่อทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่มีขนาดเล็ก แต่บ่อยครั้ง
กลยุทธ์ Scalping Forex
การเทรดแบบ Scalping ใน Forex จะต้องใช้กลยุทธ์และเทคนิคที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้เครื่องมือหรืออินดิเคเตอร์ที่ช่วยในการตัดสินใจที่รวดเร็ว โดยกลยุทธ์ที่ใช้ในการ Scalping มีหลายรูปแบบ ดังนี้:
1. การใช้อินดิเคเตอร์ (Indicators) เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
– **Moving Averages (MA)**: อินดิเคเตอร์ที่ใช้เพื่อช่วยในการดูแนวโน้มของราคาสกุลเงิน และสามารถใช้ในการหาจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม (Trend Reversal) การใช้ Moving Average ที่มีระยะเวลาสั้น (เช่น MA 5, MA 10) จะช่วยให้ผู้เทรดสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของราคาที่เร็วขึ้น และช่วยในการตัดสินใจในการเปิดหรือปิดคำสั่งซื้อได้ดี
– **Relative Strength Index (RSI)**: อินดิเคเตอร์นี้ใช้ในการวัดสภาวะของตลาดว่าอยู่ในภาวะ Overbought หรือ Oversold การใช้ RSI ในการ Scalping จะช่วยให้ผู้เทรดสามารถหาจุดที่มีโอกาสกลับตัวของราคา (Reversal) ได้
– **Bollinger Bands**: การใช้ Bollinger Bands จะช่วยให้ผู้เทรดสามารถมองเห็นช่วงราคาในการเคลื่อนไหวปกติและสามารถวิเคราะห์หาจุดที่ราคาอาจจะทะลุหรือลดลงได้ การขยับตัวของราคาภายใน Bollinger Bands จะช่วยให้ผู้เทรดสามารถมองหาสัญญาณในการเปิดหรือปิดการเทรดได้
2. การเลือกเวลาที่เหมาะสมในการ Scalping
การเลือกเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเทรด Scalping เป็นสิ่งสำคัญ โดยปกติแล้วช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการ Scalping คือช่วงเวลาที่ตลาดมีความเคลื่อนไหวสูง เช่น:
– **ช่วงการเปิดตลาดหลัก**: ช่วงเวลาที่ตลาด Forex เปิดทำการในช่วงเช้าของสหรัฐอเมริกา (NY) หรือในช่วงยุโรป (London) ซึ่งทำให้มีการซื้อขายจำนวนมากและความผันผวนสูง
– **ช่วงการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ**: เช่น การประกาศตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ (Non-Farm Payrolls) หรือการประชุมของธนาคารกลาง การประกาศข่าวเหล่านี้สามารถทำให้ตลาดมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการ Scalping
3. การใช้ Stop Loss และ Take Profit
แม้ว่าการเทรดแบบ Scalping จะมุ่งเน้นการทำกำไรจากการเคลื่อนไหวราคาที่เล็กน้อย แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงในการขาดทุน ผู้เทรดจะต้องใช้ **Stop Loss** และ **Take Profit** เพื่อจำกัดการขาดทุนและล็อกกำไรในจุดที่ตั้งใจ
– **Stop Loss**: ควรตั้ง Stop Loss ในระดับที่ไม่ทำให้ขาดทุนมากเกินไป โดยการตั้งค่าให้เหมาะสมกับการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงเวลานั้น ๆ
– **Take Profit**: การตั้ง Take Profit ในจุดที่เป็นเป้าหมายของกำไรที่ต้องการจะช่วยให้คุณไม่เสียโอกาสในการทำกำไรในกรณีที่ตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ดี
4. การควบคุมอารมณ์ในการเทรด
Scalping ต้องการการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งมักจะเกิดในช่วงเวลาที่สั้นมาก ดังนั้นการควบคุมอารมณ์และการไม่รีบร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณปล่อยให้ความเครียดหรือความตื่นเต้นมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ อาจทำให้เกิดการสูญเสียที่ไม่จำเป็นได้
ข้อดีและข้อเสียของการเทรดแบบ Scalping
ข้อดีของ Scalping
1. **ทำกำไรเร็ว**: การทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่เล็กน้อยในช่วงเวลาอันสั้นทำให้ผู้เทรดสามารถเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว
2. **โอกาสในการทำกำไรหลายครั้ง**: การเปิดคำสั่งหลายครั้งในหนึ่งวันทำให้มีโอกาสในการทำกำไรหลายครั้งจากการเคลื่อนไหวของราคาเล็ก ๆ
3. **ลดความเสี่ยงจากการถือครองตำแหน่งระยะยาว**: การเทรดในช่วงเวลาสั้นช่วยลดความเสี่ยงจากการถือครองตำแหน่งที่อาจจะถูกกระทบจากข่าวหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
ข้อเสียของ Scalping
1. **ต้องใช้เวลามาก**: การเทรดในระยะสั้นจะต้องเฝ้าติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจจะทำให้เสียเวลามาก
2. **ค่าใช้จ่ายสูง**: การเปิดคำสั่งหลายครั้งทำให้มีค่าธรรมเนียมในการเทรดหลายครั้ง และอาจลดกำไรจากการทำกำไรเล็กน้อย
3. **ความเครียดสูง**: การตัดสินใจในช่วงเวลาสั้น ๆ อาจทำให้เกิดความเครียดสูงและส่งผลต่อการทำกำไรในระยะยาว
วิธีการเริ่มต้นเทรด Scalping
สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเทรด **Scalping Forex** ควรเริ่มจากการเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและความเร็วในการเปิดปิดคำสั่งที่รวดเร็ว รวมถึงการฝึกฝนกลยุทธ์ Scalping ด้วยบัญชีทดลองก่อนที่จะเริ่มเทรดด้วยเงินจริง เพื่อให้มั่นใจว่าเข้าใจกลยุทธ์และสามารถรับมือกับความเสี่ยงได้
สรุป
การเทรด **Forex** แบบ **Scalping** เป็นกลยุทธ์ที่มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ชอบทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วและเล็กน้อย แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูงและต้องใช้เทคนิคการตัดสินใจที่รวดเร็ว แต่หากใช้กลยุทธ์อย่างมีระเบียบและมีการควบคุมความเสี่ยงอย่างดี ก็สามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ